ตัวกู สู้กับมันยาก..

ตัวกู สู้กับมันยาก..

949
0
แบ่งปัน

กราบเรียนถามพระอาจารย์ครับ

ยกที่แล้วผมโดน “ไอ้กู” ต่อยด้วยหมัดน็อคเรื่องผัสสะ ผมคิดอยู่ 8 วันกว่าๆจนถึงวันนี้ พอดีกระทู้น้องรุ้งดันโพสนี้ขึ้นมา ตรงกับใจผมพอดี

กระบวนการของผัสสะมันเกิดขึ้นเร็วมาก ถูกไหมครับพระอาจารย์?

จากวิญญาณ–>นามรูป–>สฬายะตนะ–>ผัสสะ

ขั้นตอนทั้งหมดนี้คนธรรมดาตามดูไม่ทัน พอรู้ตัวมันก็เกิดผัสสะแล้ว เราจึงไหลไปตามกระแส

ทีนี้ เมื่อมีสิ่งเร้าต่างๆมากระทบ มันจะต้องเกิดจาก ใจ+คิด สำเร็จเป็นมโนวิญญาณ

ถ้ามีกิเลสมาเจือ มันก็ไหลไปตามกิเลส แต่ถึงต่อให้ไม่มีกิเลสมาเจือ มันก็มีอวิชชามาเจืออยู่แล้ว ถูกไหมครับพระอาจารย์?

แล้วทีนี้เราจะพิจารณายังไงดีครับ ที่จะป้องกันไม่ให้เราเข้าไปยึดเป็นเจ้าของ ทำยังไงที่เราจะไหลทวนกระแสได้ครับ? กระบวนการนี้มันเกิดขึ้นเร็ว ผมติดอยู่ตรงนี้และยังคิดไม่ออกครับพระอาจารย์

เราจะหยุดที่ “ใจ” เราก็ยังไม่รู้จักใจ เราจะหยุดที่ “คิด” เราก็ไวไม่เท่าทันความคิด ผมจะทำยังไงดีครับ? กราบถามพระอาจารย์ครับ…

พระอาจารย์ : สติตามกำลังที่มีไง ไอ้น้อง Toby Pang

เราตัดอะไรไม่ได้เลย เพราะธรรมชาติมันเป็นธรรมดาของมันอยู่เช่นนั้น

แต่เรารู้จักกับความเป็นธรรมชาติ ของมันได้

ธรรมชาติแห่งสังขาร มันอาศัยเหตุปัจจัยต่อๆกันเกิด

ไอ้ตัวกูนี่ มันแค่ตัวเสือกแห่งการเป็นเจ้าของแห่งเหตุปัจจัย มันก็แค่นั้น

เมื่อไอ้ตัวกู มันไหลไปตามเหตุปัจจัย มันก็กลายไปเป็นเจ้าของผล แห่งเหตุปัจจัย

นี่..มันชอบเสือกอย่างนี้ ทั้งๆที่ตัวมันเอง ไม่ได้เป็นหนึ่งในกระบวนการอะไรกับใครเขาเลย

มันเป็นแค่ยามเฝ้าโรงงานแห่งกระบวนการ

เพียงแต่มันชอบเสือกกับการลำเลียงผล ของกระบวนการแห่งการปรุงสังขารไปตามธรรมชาติของจิต

ถ้าไอ้เจ้าตัวกูมันไม่ได้รับการอบรมจาก สัตบุรุษ

มันก็จะเป็นเจ้าของและเสือกกับเขาไปทั่ว ทั้งในและนอก

นี่..ตัวกูจึงเป็นกูอย่างเหี้ยๆ เพราะขาดการได้รับการอบรม

มันก็จะไหลไปตามกระแสแห่งการลำเลียงใจ ที่ก่อเป็นสมุทัย

ผลก็คือทุกข์

มันทุกข์เพราะตัวกูมันชอบเข้าไปเสือกเป็นเจ้าของทุกเรื่อง

แต่ถ้ามันได้รับการอบรม ไอ้เจ้าตัวกู มันก็จะเกิดมีสติ

สตินี้ จะเป็นพี่เลี้ยงให้ไอ้เจ้าตัวกู

มันเกิดปัญญา ลด ละ เลิก ในสิ่งที่อายตนะมันผัสสะ

มันอาศัยสติถอยออกมา มันผ่อนการไหลไปตามกระแสเท่าที่ปัญญามันมีกำลังรู้เห็น

นี่ เพราะยังไง เมื่อมีอายตนะ ผัสสะมันก็ย่อมเกิด

แต่เมื่อเกิด ไอ้เจ้าตัวกู มันยอมฟังสติอันเกิดจากปัญญา

มันก็ไม่โง่ไหลไปตามกระแสแห่งตัวตนและตัณหาได้

นี่..เป็นการเดินทางมรรค ผลก็คือ สงบเป็นนิโรธะ

หากยังมึนอยู่กับตัวกู มันก็เดินได้บนทาง มักมากและมักง่าย

เลือกทางเอาก็แล้วกัน เอาไอ้ตัวกูมาเริ่มเข้าอนุบาลอบรมมันใหม่ซะที…

ขยายตัวกูอีกหน่อย…

เพราะกระบวนการผัสสะทาง ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ มันไวมาก ที่จริงมันก็ไม่ไวหรอก เป็นแต่เพียงเราหยาบและไม่ทันกระแสเอง

เราจึงมักไหลไปตามกระแส นี่..เป็นธรรมดา มันเป็นอาการของตัวกู

แต่ถ้าได้ฝึกอบรมสาวผลพิจารณาไปหาเหตุแห่งกระแสบ่อยๆ ภาชนะรองรับแห่งความเข้าใจ มันจะขยายใหญ่ขึ้น สติก็มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับและต้านกระแสได้มากขึ้น

อย่างน้อยแม้จะไหลเลยออกไปบ้าง แต่พอระลึกได้ การระลึกนั้นก็จะช่วยให้เกิดปัญญา เกิดการอบรมตัวมันเอง ว่าไม่น่าทำอย่างนั้น ไม่น่าทำอย่างนี้

การมีสติเช่นนี้ มันก็เป็นการก่อเปลือกแห่งการมี หิริโอตัปปะ คือความละอายต่อบาปที่กระทำ เช่นนี้ ความมีศีลก็ยังถือว่า มันเริ่มก่อตัวเป็นหน่อขึ้นมาในใจบ้าง

สติที่ประกอบด้วยปัญญานี่สำคัญ หัดฟังอะไรๆซะก่อน อย่าเพิ่งเอาตัวกูไปตัดสิน

ในเฟสนี้ที่มีการขัดแย้งๆกัน เหตุเกิดจากเจ้าของตัวกูมันไม่ฟังและพิจารณากันมาก่อน

แค่ตัวกูมันเห็นอะไรที่ไม่ถูกใจ ที่เพี้ยนไปจากที่ไอ้ตัวกูมันยึด ไอ้เจ้าตัวกูมันก็จะออกลายชูเด่นขึ้นมามาทำการประจานตัวเอง

ความเดือดร้อนทั้งหลาย ก็เลยไหลกระหน่ำเข้าหา นี่ เพราะความยึดมั่นทั้งหลาย ของไอ้เจ้าตัวกูมันเป็นเหตุ

ค่อยๆพิจารณาซิ การพิจารณาถอยออกมาจากผลแห่งผัสสะ จะช่วยให้เห็นเหตุแห่งผัสสะได้ง่ายขึ้น

ใจมันจะเห็นอาการแห่งผลที่เจ้าตัวกูมันไปแสดง มันจะแสดงไปตามอำเภอใจของมัน มันไม่มีความสำรวมใจ ใครมีไอ้ตัวกูตัวใหญ่ๆมันมักจะไม่สำรวมใจ

มันจะแสดงไปตามกระแสที่มันยึดมั่นหลายๆไว้ ใครขวางมันก็แสดงออกอาการแห่งความทุรนทุราย

หากเป็นผู้มีปัญญาขึ้นมาอีกซักหน่อย ค่อยๆเอาผลมาพิจารณาเหตุ มันก็จะเห็นเหตุ มันจะเห็นเหตุแห่งความเดือดร้อน มันจะเห็นเหตุทั้งหลายว่าเกิดจากไอ้ตัวกูนี่แหละ เป็นตัวสร้างเหตุ

ลด ละ เลิกมันลงซะบ้าง โดยเอาสติเข้าไปพิจารณาด้วยปัญญา พอเข้าใจและรู้เห็นเหตุที่ทำให้ตัวกูมันเดือดร้อน

ใจมันก็จะทุเลา เบาบาง จางคลาย ความทุกข์ร้อนที่ไปเป็นเจ้าของตัวตนแห่งความเป็นไอ้ตัวกูลงมาเอง

ตัวกูที่กำราบและอบรมแล้ว ย่อมเป็นตัวกูที่เจือใจไปด้วยศีล

เห็นศีลแห่งความเป็นตัวกูในตัวของกูกันบ้างแล้วรึยัง ถ้ายัง…นรกมันเปิดประตูอ้ารออยู่เด้อ…

******************

พระธรรมเทศนา 28 ตุลาคม 2557 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง จ.กาญจนบุรี